มี LTF และสนใจอยากสับเปลี่ยนไป Thai ESGX จะทำยังไงให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี?
คนที่ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการโอนไป Thai ESGX ต้องปฏิบัติทุกข้อดังต่อไปนี้
- ไม่ขายและไม่สับเปลี่ยนหน่วย LTF (ไม่ว่าจะเป็นสับเปลี่ยนไปยัง LTF อื่น ทั้งภายใต้ บลจ. เดียวกัน หรือข้าม บลจ.) ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68 เป็นต้นไป
- ต้องสับเปลี่ยนหน่วย LTF ที่ถือครองทั้งหมดของทุกกอง ทุก บลจ. ไป Thai ESGX ทั้งหมด ภายใน พ.ค. - มิ.ย. 68
- ถือครองหน่วย 5 ปี วันชนวัน นับแต่วันที่สับเปลี่ยนหน่วย LTF ไป Thai ESGX
เราลองมาดูวิธีคิดภาษีง่าย ๆ ที่จะได้รับลดหย่อนกัน
สมมติว่านาย ก มีเงินได้สุทธิ 1,000,000 บาท (หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว) และกำลังตัดสินใจว่าจะโอน LTF ไป Thai ESGX ดีหรือไม่
กรณีที่ 1: ไม่โอน LTF ไป Thai ESGX ทำให้ไม่ได้สิทธิลดหย่อนทางภาษี 5 ปี
นาย ก มีเงินได้สุทธิ 1,000,000 บาท จะเสียภาษีแบบขั้นบันได (0-20% ของเงินได้สุทธิแต่ละขั้น) คิดเป็นภาษีที่ต้องเสีย 115,000 บาท และหากนาย ก มีเงินได้สุทธิเท่าเดิมเป็นเวลา 5 ปี จะเสียภาษีทั้งสิ้น 115,000 x 5 = 575,000 บาท
กรณีที่ 2: นาย ก ต้องการโอนกองทุน LTF ไปยัง Thai ESGX โดยปฏิบัติตามเงื่อนไขข้างต้นทุกข้อ
เงื่อนไขการหักลดหย่อนภาษี คือ จะได้สิทธิลดหย่อนภาษี 500,000 บาท แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน ในระยะเวลา 5 ปี โดยปีแรก จะหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 300,000 บาท และปีที่ 2-5 จะหักลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 50,000 บาท
ถ้านาย ก มีกองทุน LTF มูลค่า 750,000 บาท* และสับเปลี่ยนมา Thai ESGX ทั้งก้อน จะสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนสูงสุด 500,000 บาท (อีก 250,000 บาทที่เหลือไม่ได้รับสิทธิในการหักลดหย่อน) โดย
- ปีแรก (2568) นาย ก จะหักลดหย่อนได้ 300,000 บาท จำนวนเงินได้สุทธิที่นำมาคำนวณภาษี คือ 1,000,000 - 300,000 = 700,000 บาท ดังนั้น นาย ก จะเสียอัตราภาษีแบบขั้นบันได (0-15% ของเงินได้สุทธิแต่ละขั้น) คิดเป็น 57,500 บาท ประหยัดภาษีไปได้ 57,500 บาท (115,000 - 57,500)
- ปีที่ 2-5 (2569-2572) นาย ก สามารถหักลดหย่อนได้ปีละ ไม่เกิน 50,000 บาท เนื่องจาก นาย ก มีสิทธิลดหย่อนคงเหลือ 200,000 บาท ดังนั้น นาย ก จะหักลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาท เงินได้สุทธิที่จะนำมาคำนวณภาษีในแต่ละปี คือ 1,000,000 - 50,000 = 950,000 บาท นาย ก จะเสียอัตราภาษีแบบขั้นบันได (0-20% ของเงินได้สุทธิแต่ละขั้น) คิดเป็น 105,000 บาทต่อปี หากนาย ก มีเงินได้สุทธิเท่าเดิมเป็นเวลา 4 ปี นาย ก จะเสียภาษีทั้งสิ้น 105,000 x 4 =420,000 บาท
สำหรับกรณีนี้ นาย ก จะประหยัดภาษีไปได้ทั้งสิ้น 97,500 บาท (ภาษีที่ต้องจ่าย 575,000 บาท – (ปีที่ 1 ประหยัดภาษีได้ 57,500 บาท + ปีที่ 2-5 ประหยัดภาษีรวม 40,000 บาท)) คิดเป็นประมาณ 17% ของภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระสำหรับกรณีไม่ลดหย่อน Thai ESGX ในระยะเวลา 5 ปี
กรณีที่ 3: แต่ถ้า นาย ก มีกองทุน LTF ที่มีมูลค่า 400,000 บาท*
ปีแรก จะคำนวณเหมือนกรณีที่ 2 คือ หักลดหย่อนได้ 300,000 บาท จำนวนเงินได้สุทธิที่นำมาคิดภาษี คือ 700,000 บาท
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ในปีที่ 2-5 นาย ก มีสิทธิลดหย่อนคงเหลืออยู่ที่ 100,000 บาท ดังนั้น ในปีที่ 2-5 นาย ก จะต้องหักลดหย่อนเฉลี่ย ปีละ 25,000 บาท เงินได้สุทธิที่จะนำมาคิดภาษีในแต่ละปี จะเป็น 1,000,000 - 25,000 = 975,000 บาท นาย ก จะเสียอัตราภาษีแบบขั้นบันไดที่อัตรา 20% คิดเป็น 110,000 บาทต่อปี หากนาย ก มีเงินได้สุทธิเท่าเดิมเป็นเวลา 4 ปี นาย ก จะเสียภาษีทั้งสิ้น 110,000 x 4 =440,000 บาท
สำหรับกรณีนี้ นาย ก จะประหยัดภาษีไปได้ 77,500 บาท (ภาษีที่ต้องจ่าย 575,000 บาท – (ปีที่ 1 ประหยัดภาษีได้ 57,500 บาท + ปีที่ 2-5 ประหยัดภาษีรวม 20,000 บาท) คิดเป็นประมาณ 13% ของภาษีทั้งหมดที่ต้องชำระสำหรับกรณีไม่ลดหย่อน Thai ESGX ในระยะเวลา 5 ปี
***************************************
* มูลค่า ณ วันที่โอน
** ทั้งนี้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างการคำนวณสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้จากการโอน LTF ไปยัง ThaiESGX เท่านั้น ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย